รับทำบัญชี ภาษีมูลค่าเพิ่ม | รับทำเงินเดือน รับทำบัญชี ภาษีมูลค่าเพิ่ม | รับทำเงินเดือน

การเปลี่ยนแปลงการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

กรณี มีการเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในส่วนที่เป็นสาระ สำคัญ ซึ่งได้แก่ การเลิกกิจการ การโอนหรือควบกิจการ การเปลี่ยนแปลงประเภทของการประกอบการ การเปลี่ยนแปลงประเภทสินค้าหรือบริการ การเปลี่ยนแปลงการคำนวณภาษี รวมถึงการเปลี่ยนแปลงรายการอื่น ๆ เช่น การเปลี่ยนชื่อสถานประกอบการ การเปลี่ยนแปลงกรรมการหรือผู้ถือหุ้น (ผู้มีอำนาจลงนาม) หรือการหยุดกิจการชั่วคราว (มีกำหนดระยะเวลาภายใน 1 ปี) ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีหน้าที่ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงนั้น ภายใน 15 วัน นับจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น สำหรับกรณีการย้ายสถานประกอบการ, การรับโอนกิจการ, การเพิ่มสาขา จะต้องแจ้งก่อนมีการเปลี่ยนแปลงไม่น้อยกว่า 15 วัน โดยกรอกแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบภ.พ.09 พร้อมเอกสารประกอบการพิจารณา ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้

เอกสาร ที่ใช้ประกอบการพิจารณา

            (1)   แบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.09) จำนวน 4 ฉบับ

            (2)   ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20) ฉบับจริงพร้อมภาพถ่ายเอกสารดังกล่าว

            (3)   สำเนาแบบคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเดิม (ภ.พ.01) หรือสำเนาแบบคำขอแจ้งการเปลี่ยนแปลงรายการ(ภ.พ.09) ครั้งสุดท้าย

            (4)   บัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากรพร้อมภาพถ่ายบัตรดังกล่าว

            (5)   หนังสือรับรองของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท (กรณีเป็นนิติบุคคล) พร้อมภาพถ่ายหนังสือดังกล่าว

            (6)   หนังสือแสดงการเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุล (กรณีเป็นบุคคลธรรมดา) พร้อมภาพถ่ายหนังสือดังกล่าว

            (7)   บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้านของผู้ประกอบการ หรือกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม พร้อมภาพถ่ายเอกสารดังกล่าว

            (8)   กรณีมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำการแทน ต้องมีหนังสือมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ 10 บาท บัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ พร้อมภาพถ่ายบัตรดังกล่าว โดยผู้รับมอบอำนาจอำนาจต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป

            (9)   กรณีหยุดกิจการชั่วคราว ต้องมีหนังสือจากผู้ประกอบการชี้แจงเหตุผลในการหยุดกิจการ พร้อมประทับตรานิติบุคคลและลงนามโดยกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม

ที่มา.. http://www.rd.go.th/publish/7053.0.html

ขยายระยะเวลาการยื่นงบการเงินประจำปี 2552 ออกไปถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2553

ประกาศกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
เรื่อง ขยายระยะเวลาการยื่นงบการเงินประจำปี 2552 (ฉบับที่ 2)
พ.ศ.2553

ตามที่อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ออกประกาศเรื่อง ขยายระยะเวลาการยื่นงบการเงิน ประจำปี 2552 พ.ศ.2553 ลงวันที่ 23 เมษายน 2553 เพื่อขยายระยะเวลาการยื่นงบการเงินสำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด นิติบุคคลต่างประเทศ ที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย และกิจการร่วมค้า ที่มีสถานที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ในท้องที่เขตสาธร เขตบางรัก และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2553 แล้วนั้น

เนื่องจากปรากฏว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมืองได้ขยายพื้นที่ออกไปทุกท้องที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ดังนั้นเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ.2543 อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจึงให้ขยายระยะเวลายื่นงบการเงินสำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด นิติบุคคลต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย และกิจการร่วมค้าที่มีสถานที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ในกรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดปทุมธานี ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2553 เพิ่มเติม

ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม 2553

(นายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์)
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

law_balance

ปัญหาการรับงบการเงินของกระทรวงพาณิชย์

ฉบับที่ กธ.3/วันที่ 5 มีนาคม 2553
เรื่อง ปัญหาการรับงบการเงิน

สำนักบริการข้อมูลธุรกิจได้รวบรวมปัญหา เกี่ยวกับการรับงบการเงินในแต่ละปีที่ผ่านมาเพื่อเผยแพร่ให้นิติบุคคลที่มี หน้าที่ส่งงบการเงินได้ทราบทั่วกัน เพื่อให้สามารถ จัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องได้ครบถ้วนถูกต้องสามารถนำส่งงบการเงินได้ อย่างสะดวกรวดเร็วประหยัดเวลา ดังนี้

1. ประชาสัมพันธ์ เรื่องการกรอกแบบ ส.บช.3 ขอความร่วมมือให้นิติบุคคลดาวน์โหลด แบบฟอร์ม จาก www. dbd.go.th หรือ www.google.co.th เนื่องจากสามารถพิมพ์รายละเอียดในแบบ ฟอร์มได้ ไม่ควรพริ้นท์แบบฟอร์มเปล่าออกมาเขียนด้วย หมึกเพราะผู้บันทึกข้อมูลงบการเงินอาจอ่านเลขทะเบียนนิติบุคคลผิดพลาด ได้ จะกลายเป็นนิติบุคคลอื่นได้ส่งงบการเงินแทน

2. สำหรับงบการเงินของนิติบุคคลที่มี รอบปีบัญชี 31 ธันวาคม 2552 ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนนิติบุคคลต่างประเทศและกิจการร่วม ค้า ต้องส่งงบการเงินภายใน 5 เดือนนับแต่วันสิ้นงวด คือต้องไม่เกิน 31 พฤษภาคม 2553 เท่านั้น และกรณีเป็นบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนต้องนำงบการเงินเสนอที่ประชุมใหญ่สามัญ ประจำปีภายใน 4 เดือนนับแต่วันสิ้นงวด คือไม่เกินวันที่ 30 เมษายน 2553 และต้องส่งงบการเงินภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ประชุมฯ ขอความร่วมมือนิติบุคคลให้รีบนำส่งเสียแต่เนินๆ หากไปส่งในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน พฤษภาคม 2553 อาจ ไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร

3. หากต้องการให้นายทะเบียนรับรองเอกสาร สำเนางบการเงินหรือสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ขอ ความร่วมมือให้รีบส่งก่อนสิ้นระยะเวลาการส่งงบการเงิน เพราะ หากส่งในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม อาจไม่ ได้รับความสะดวก

4. ขอความร่วมมือผู้ทำบัญชีและผู้สอบบัญชีฯ ให้แจ้งรายชื่อธุรกิจต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าก่อนที่จะนำส่งงบการเงิน

5. ก่อนส่งงบการเงินควรตรวจสอบรอบปีบัญชีใน แบบ ส.บช.3 หน้ารายงานผู้สอบบัญชี และ ในงบการเงินควรต้องสอดคล้องเป็นรอบปีบัญชีเดียวกัน

6. วันที่ลงลายมือชื่อของผู้สอบบัญชีฯ ในหน้ารายงานผู้สอบบัญชีฯ ต้องเป็นวันที่ก่อนวันที่ ประชุมอนุมัติงบการเงิน เนื่องจากงบการเงินต้องได้รับการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีฯ ก่อนนำเสนอให้ที่ประชุมใหญ่ฯ อนุมัติงบดุล

7. การลงลายมือชื่อในงบการเงินให้ผู้มี อำนาจหรือกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อในแบบ ส.บช.3 , งบดุลและงบกำไรขาดทุน ตามอำนาจที่ได้จดทะเบียนไว้ ส่วน เอกสารอื่นนอกจากนี้ให้ผู้มีอำนาจหนึ่งคนลงลายมือชื่อได้

8. ขอความร่วมมือผู้ทำบัญชีอย่าลืมลงลายมือ ชื่อในแบบ ส.บช.3 เพราะในแต่ละปีมีงบการเงินที่ผู้ ทำบัญชีไม่ได้ลงลายมือชื่อในแบบ ส.บช.3 เป็นจำนวนมาก

9. งบการเงินของนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิก หรือเสร็จการชำระบัญชีก่อนสิ้นรอบปีบัญชีในรอบปีนั้นๆ ไม่ ต้องส่งงบการเงินประจำปี งบการเงิน ณ วันเลิกเป็นเอกสารประกอบคำขอจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีเท่านั้น

10. งบ การเงินของบริษัทที่ถูกขีดชื่อเป็นบริษัทร้างแล้วไม่ต้องส่งงบการเงินจนกว่า จะได้ร้องขอคืนสภาพนิติบุคคลต่อศาล และศาลได้สั่งให้คืนสภาพนิติบุคคลแล้ว

11. นิติบุคคล ที่ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลสั่งล้มละลายไม่ต้องส่งงบการเงิน แต่หากมีความประสงค์จะส่งจะต้องนำส่งงบการเงินโดยเจ้า พนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิใช่กรรมการผู้มีอำนาจอีกต่อไป

12. สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ส่งพร้อมงบการเงินต้องเป็นสำเนาบัญชีรายชื่อ ผู้ถือหุ้นที่รับรองจากการประชุมสามัญประจำปีเท่านั้น ถ้าเป็นการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นหรือเป็นการคัดลอกจาก สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ให้จัดทำหนังสือแยกส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นต่างหาก

สำนักกำกับดูแลธุรกิจ
DBD E-Newslet