โดยปกติแล้วการทำงานในภาครัฐ หรือเอกชนมักจะมีการกำหนดให้พนักงานมีอายุการทำงานไม่เกิน 60 ปี ยกเว้นบุคคลนั้นมีความรู้ความสามารถก็อาจจะมีการต่ออายุให้ทำงานเกิน 60 ปีก็ได้
หลายครั้งเรามักจะพบว่าคนสูงอายุเหล่านี้หลังจากออกจากงานแล้วยังมีขีดความสามารถในการทำงานหรือทำธุรกิจบางคนยังรักการทำงานอาจจะเปิดธุรกิจของตนเองหรือนำเงินบำเหน็จบำนาญของตนเองไปฝากธนาคารเพื่อกินดอกเบี้ยแล้วนำดอกเบี้ยมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน กลุ่มคนเหล่านี้ก็จะมีรายได้เกิดขึ้นซึ่งต้องนำรายได้ที่ได้รับในแต่ละปีไปคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราก้าวหน้า (10 – 37%) ตามประเภทของเงินได้พึงประเมิน
เงินได้พึงประเมินที่ผู้สูงอายุได้รับจะต้องแยกประเภทของเงินได้เพื่อนำไปคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบ่งออกเป็น 8 ประเภทด้วยกันคือ
– เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) เงินเดือนค่าจ้าง
– เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2) รับจ้างทำงานให้
– เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(3) ค่าสิทธิ
– เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ก) ดอกเบี้ย
– เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ข)เงินปันผล
– เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5) ให้เช่าทรัพย์สิน
– เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(6) วิชาชีพอิสระ
– เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(7) รับเหมาก่อสร้าง
เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) เงินได้ที่นอกเหนือจากมาตรา 40(1) – (7)
เนื่องจากประมวลรัษฎากรได้กำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดามีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนั้นเพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษีให้แก่ผู้สูงอายุอันจะทำให้มีเงินเพื่อใช้ในการดำรงชีพเพิ่มขึ้น กรมสรรพากรจึงได้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยและมีอายุไม่ต่ำกว่า 65 ปีบริบูรณ์ในปีภาษีได้รับเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 190,000 บาทในปีภาษีนั้นตามกฎกระทรวงฉบับที่ 257 (พ.ศ.2549) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากรดังต่อไปนี้
“เงินได้ที่ผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยและมีอายุไม่ต่ำกว่าหกสิบห้าปีบริบูรณ์ในปีภาษีได้รับเฉพาะส่วนที่ไม่ เกินหนึ่งแสนเก้าหมื่นบาทในปีภาษีนั้น ทั้งนี้สำหรับเงินได้ที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมพ.ศ.2548 เป็นต้นไป โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด”
มีคำพูดที่มักเคยได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ ก็คือ ชีวิตหลังเกษียณอายุหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ที่ผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยและมีอายุไม่ต่ำกว่า 65 ปีบริบูรณ์ในปีภาษีได้รับดังต่อไปนี้
1.เงินได้ที่ผู้มีเงินได้ซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า 65 ปีบริบูรณ์ได้รับโดยได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องเป็นเงินได้ที่ผู้มีเงินได้ได้รับในปีภาษีที่ผู้มีเงินได้มีอายุไม่ต่ำกว่า 65 ปีบริบูรณ์และผู้มีเงินได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย เฉพาะเงินได้ที่ได้รับส่วนที่ไม่เกิน 190,000 บาทในปีภาษีนั้น
2.ผู้มีเงินได้ ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามข้อ 1 ต้องเป็นผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลและกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง
กรณีสามีภริยามีเงินได้ร่วมกันโดยความเป็นสามีภริยามิได้มีอยู่ตลอดปีภาษี ให้ถือว่าเงินได้ดังกล่าวเป็นเงินได้ของคณะบุคคลที่มิใช่ นิติบุคคล
3.กรณีผู้มีเงินได้ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามข้อ 1 ได้รับเงินได้ตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากรในปีภาษีใดหลายประเภทผู้มีเงินได้จะเลือกใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินได้ที่ได้รับประเภทใดประเภทหนึ่ง หรือจะเลือกใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินได้หลายประเภทและแต่ละประเภทจะยกเว้นภาษีเงินได้จำนวนเท่าใดก็ได้แต่เมื่อรวมจำนวนเงินได้ที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ดังกล่าวทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 190,000 บาทในปีภาษีนั้น
4.ผู้มีเงินได้ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามข้อ 1 ให้ถือตามหลักเกณฑ์ดังนี้
(1) กรณีสามีภริยามีเงินได้ร่วมกันโดยความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษีให้ถือว่าเงินได้ดังกล่าวเป็นเงินได้ของสามีให้สามีเป็นผู้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ที่ได้รับร่วมกัน
(2) กรณีสามีภริยาต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ไม่ว่าความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษีหรือไม่ให้สามีภริยาต่างฝ่ายต่างได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ในส่วนที่ตนได้ รับ
5.ผู้มีเงินได้ที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามข้อ 1 ต้องแสดงรายการเงินได้และจำนวนเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นั้นพร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ข้อสังเกตอย่างหนึ่งก็คือถึงแม้ว่ากรมสรรพากรจะยกเว้นภาษีเงินได้ให้กับผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปและมีเงินได้ไม่เกิน 190,000 บาทในปีภาษีนั้นหรือเฉลี่ยต่อเดือน 15,833.33 บาท ไม่ต้องเสียภาษีอากรแต่ยังคงต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทุกปี
ที่มา ผู้จัดการรายสัปดาห์
อ้างอิง กฎกระทรวง ฉบับที่ 257 http://www.rd.go.th/publish/30226.0.html
ความเห็นล่าสุด