Q…ผมได้ลงทุน ในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ไว้
เพื่อนำไปใช้หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี ต่อมาผมมีความเดือดร้อนต้องใช้เงิน ผมจึงจำเป็นต้องขายคืนเงินลงทุนทั้งใน RMF และ LTF ซึ่งผมก็จะไปยื่นแก้ไขแบบภาษีเงินได้ประจำปีในแต่ละปีที่ได้เคยใช้สิทธิลด หย่อนอยู่แล้ว แต่ทำไมบริษัทจัดการ (บลจ.) จึงยังมาหักภาษี ณ ที่จ่ายกับผมอีก บลจ. มีสิทธิทำแบบนั้นได้ด้วยหรือครับ
A….ผมต้องขอเรียนทำความเข้าใจกับท่านผู้ถามเกี่ยวกับเรื่องภาษีเงิน ได้บุคคลธรรมดาว่า ในเรื่องภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแต่ละปีที่ผู้ถามได้เคยได้ใช้สิทธินำเงินลง ทุนใน RMF และ LTF ไปหักลดหย่อนเงินได้เพื่อคำนวณภาษีประจำปี เมื่อผู้ถามมีการขายคืนที่ผิดเงื่อนไขการลงทุนของ RMF หรือ LTF แล้วผู้ถามไปยื่นแก้ไขแบบภาษีเงินได้ประจำปีนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องตาม หน้าที่แล้วครับ
แต่สำหรับผลประโยชน์ที่ได้รับจากการลงทุนใน RMF และ LTF จะแยกเป็น 2 กรณี คือ
1. หากเป็น LTF ที่มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผล เมื่อ LTF จ่ายเงินปันผลจากการลงทุนให้กับผู้ลงทุน เงินปันผลดังกล่าวจะถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร สามารถดูได้จากแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้มีเงินได้กรณีทั่วไป (ภ.ง.ด. 90) โดยจะถือเป็นเงินส่วนแบ่งกำไรจากกองทุนรวมตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งหากผู้มีเงินได้ไม่ให้ LTF หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 10 หรือยอมให้หักแต่ขอคืนหรือขอเครดิตภาษีที่ถูกหักไว้นั้น ผู้มีเงินได้จะต้องนำเงินปันผลดังกล่าวมารวมกับเงินได้อื่นเพื่อคำนวณภาษี เงินได้ประจำปีนั้น แต่หากให้ LTF หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 10 แล้วไม่ขอคืนหรือขอเครดิตภาษีที่ถูกหักไว้ ผู้มีเงินได้ก็ไม่ต้องนำเงินปันผลดังกล่าวไปรวมกับเงินได้อื่นเพื่อคำนวณ ภาษีเงินได้ประจำปีนั้น
2. ส่วนกำไรจากการลงทุนใน RMF หรือ LTF เมื่อมีการขายคืนเงินลงทุนที่ผิดหรือไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการลงทุนตามที่กรม สรรพากรกำหนดไว้นั้น กำไรดังกล่าวจะถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่ หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน 2528 แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 104/2544
ลงวันที่ 15 กันยายน 2544 ในข้อ 12/1 ได้กำหนดให้ผู้จ่ายเงินได้ซึ่งก็คือ RMF หรือ LTF หักภาษี ณ ที่จ่าย โดยให้หักไว้ในอัตราร้อยละ 3 ไม่ว่าผู้มีเงินได้จะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในประเทศ ไทยก็ตาม
ดังนั้น การที่ บลจ. ทำหน้าที่แทน RMF หรือ LTF ในการหักภาษี ณ ที่จ่าย กรณีผู้มีเงินได้ได้รับเงินปันผลจาก LTF และแจ้งให้ LTF หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ และกรณีที่ผู้มีเงินได้มีกำไรจากการขายคืน RMF หรือ LTF ที่ผิดหรือไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการลงทุนตามที่กรมสรรพากรกำหนดไว้ จึงเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหน้าที่ครับ
ทั้งนี้ ในกรณีเมื่อผู้มีเงินได้นำเงินได้ซึ่งเป็นเงินปันผลที่ได้รับจาก LTF กรณีที่ไม่ยอมให้หักภาษี ณ ที่จ่ายหรือขอเครดิตภาษีที่ถูกหักไว้ หรือเงินได้ซึ่งเป็นกำไรที่ได้รับจากการลงทุนใน RMF หรือ LTF ที่ผิดหรือไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด ไปรวมกับเงินได้อื่นเพื่อคำนวณภาษีเงินได้ประจำปีแล้วมีการหักภาษีไว้เกิน กว่าภาษีที่ต้องชำระ ผู้มีเงินได้ก็มีสิทธิที่จะขอคืนเงินภาษีที่ถูกหักไว้เกินนั้นได้ครับ
อย่างไรก็ดี บลจ. ซึ่งทำหน้าที่แทน RMF หรือ LTF มีสิทธิที่จะพิจารณาไม่หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ก็ได้ สำหรับกรณี บลจ. เห็นหรือพิสูจน์ได้ว่าผู้มีเงินได้มีกำไรจากการลงทุนใน RMF หรือ LTF ที่เป็นไปตามเงื่อนไขการลงทุนซึ่งมีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีกำไรจากการลงทุน นั้น แต่หากในข้อเท็จจริงไม่เป็นไปตามนั้นแล้วกรมสรรพากรมาตรวจพบในภายหลัง บลจ. ซึ่งทำหน้าที่แทน RMF หรือ LTF จะต้องรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามที่กรมสรรพากรกำหนดโดยนอก จากอาจจะต้องรวมจ่ายภาษีหากผู้มีเงินได้ไม่มีเงินจ่ายและยังมีโทษปรับต่าง หากอีกด้วยนะครับ ดังนั้น ผมจึงใคร่ขอความเห็นใจจากผู้ลงทุนสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ในการหักภาษี ณ ที่จ่ายของ บลจ. ตามที่กรมสรรพากรกำหนดไว้ด้วยครับ
ที่มา..กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ความเห็นล่าสุด