วิกฤตทางเศรษฐกิจของโลกและผลกระทบต่อประเทศไทย | รับทำเงินเดือน วิกฤตทางเศรษฐกิจของโลกและผลกระทบต่อประเทศไทย | รับทำเงินเดือน

วิกฤตทางเศรษฐกิจของโลกและผลกระทบต่อประเทศไทย

วันที่ 4 ตุลาคม 2551

1. ทฤษฎีวิทยาศาสตร์สังคมระบุว่า ระบบทุนนิยมนั้นมีปัญหาในตัวที่ไม่มีทางแก้ไขให้ตกไปได้ คือ “กำไร” ซึ่งเป็นเส้นชีวิตและเป็นชีวิตของระบบทุน
ระบบทุนจะต้องแสวงหากำไรอย่างไม่หยุดยั้ง หยุดเมื่อใดก็ตายเมื่อนั้น เหมือนหนึ่งการเติมฟืนเข้ากองไฟ กองไฟต้องการฟืนตลอดไป ยิ่งเติมฟืนมากเท่าใด กองไฟก็ยิ่งใหญ่ และกินฟืนมากเท่านั้น ในที่สุดฟืนก็จะต้องหมดไป และไฟก็จะดับ

กำไรคือผลิตผลของการแสวงหาในระบบทุน ที่แสวงหาเอาจากคนส่วนใหญ่ในทุกวิธีการ ทำให้คนส่วนใหญ่ค่อยๆ สิ้นเนื้อประดาตัว และกำไรจะมารวมศูนย์กระจุกอยู่ที่จุดเดียว หรือคณะเดียว ในที่สุดคนส่วนใหญ่ก็จะล้มระบบทุนนั้น หรือเมื่อคนส่วนใหญ่สิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว ระบบทุนก็จะล่มสลาย

คาลมาร์คได้นำเสนอทฤษฎีนี้ และวันนี้เป็นที่ยอมรับในฐานะที่เป็นทฤษฎีวิทยาศาสตร์สังคมแล้ว

2. ระบบทุนเกือบพังทะลายเมื่อ 80 ปีก่อนมาครั้งหนึ่งแล้ว

สหรัฐ คือเมืองหลวงของระบบทุนตั้งแต่สองศตวรรษมานี้ โดยยุโรปรั้งลำดับสอง เอเชียเป็นลำดับสาม และอาฟริกาอยู่ลำดับสุดท้าย ทั้งนี้นับเอาออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สังกัดอยู่กับยุโรปด้วย

เมื่อ 80 ปีก่อน ระบบทุนในสหรัฐเริ่มพังทะลาย ส่งผลกระทบไปทั่วยุโรป แต่ไม่กระทบถึงเอเชียและอาฟริกา เพราะขณะนั้นทั้งสองทวีปนี้ยังไม่นำตัวเองเข้าไปผูกพันกับระบบทุนเท่าใดนัก ธุรกิจทุกระบบทั้งในสหรัฐและยุโรปพังทะลายระเนระนาด

เยอรมันเป็นประเทศที่ริเริ่มกอบกู้วิกฤตจากผลกระทบนี้ได้สำเร็จ โดยการก่อตั้งโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลต่อการกระจายรายได้แก่ประชาชน

วิกฤตครั้งนั้นทำให้นักปราชญ์ทางเศรษฐศาสตร์ได้นำเสนอทฤษฎีลองเวฟ (Long Wave) คือทฤษฎีการพังทะลายของระบบทุน ว่าจะเกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่เกินทุก 100 ปี โดยจะเริ่มตั้งแต่ปีที่ 80 เป็นต้นไป

บัดนี้ครบ 80 ปีนับแต่เกิดวิกฤตโลกครั้งนั้นแล้ว นักวิชาการทางเศรษฐศาสตร์ที่เชื่อสำนักคิดเช่นนี้จึงวินิจฉัยว่าการพังทะลาย ของระบบทุนจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว และจะสิ้นสุดในระยะเวลาไม่เกิน 20 ปีจากนี้ไป พวกเขาเห็นว่าความเติบใหญ่ของระบบทุนของโลกปัจจุบันมากกว่าเมื่อ 80 ปีก่อนมาก ห่างไกลกันมาก เวลาล่มสลายจึงยืดยาวออกไปและส่งผลกระทบที่กว้างไกลใหญ่หลวง กระทั่งอาจเป็นการสิ้นสุดของระบบทุนสำหรับรอบ 80 ปีนี้

3. ลัทธิบริโภคนิยมทำให้มหาอำนาจแห่งระบบทุนนิยมกลายเป็นลูกหนี้ลำดับหนึ่งของโลก

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ยุโรปตระหนักถึงอันตรายของลัทธิบริโภคนิยม จึงมีแนวคิดเรื่องการอนุรักษ์เข้ามาเสริมอย่างทั่วด้าน และแสดงออกในทุกปริมณฑลของ   ยุโรป ในขณะที่สหรัฐซึ่งเป็นเจ้าโลกทุนนิยมและเป็นศูนย์กลางหรือเมืองหลวงโลกทุน นิยมที่แท้จริงได้เพิ่มการบริโภคขึ้นถึงขั้นสูงสุด ประชากร 300 ล้านในประเทศเดียวบริโภคพลังงานน้ำมันกว่า 30% ของปริมาณการบริโภคทั้งโลก ทรัพยากรส่วนใหญ่ของโลกและผลิตผลจากผลผลิตของทั่วทั้งโลกหลั่งไหลไปรวมอยู่ ที่สหรัฐ ทำให้เกิดลัทธิบริโภคนิยมขั้นสูงสุดขึ้น ทุกอณูของประชาชาติก่อหนี้สินจนล้นพ้นตัว จนเกินฐานะปัจจุบัน เพราะถ้าหากถือฐานะปัจจุบันแล้ว ประชาชาติสหรัฐทั้งประเทศจะต้องล้มละลายตั้งแต่ปีที่ 30 นับแต่เกิดวิกฤตโลกครั้งก่อน

แต่เจ้าทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ของสหรัฐมีรากฐานความคิดยิวเป็นพื้นฐาน หลังจากไอสไตล์ประสพความสำเร็จในการค้นคว้าทฤษฎีเกี่ยวกับเวลาหรือ Time Dimension และบรรลุขั้นสูงสุดในการค้นพบอณูที่เล็กที่สุดของเซลล์คือปรมาณูแล้ว ก็มีการใช้รากฐานความคิดดังกล่าวในทางเศรษฐศาสตร์ด้วย นั่นคือการใช้มิติแห่งเวลาเสริมเข้ามาในระบบทุน เฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่องนี้คือการก่อสร้างหนี้ในอนาคต นั่นคือนำรายได้ในอนาคตมาเป็นฐานในการคิดคำนวณขีดความสามารถในการชำระหนี้ใน ปัจจุบัน จึงทำให้ประชาชาติสหรัฐสามารถก่อหนี้สินได้เพิ่มขึ้น โดยคำนวณจากอายุขัยเฉลี่ย 65 ปี

ดังนั้นลัทธิบริโภคนิยมในปัจจุบันของสหรัฐจึงนำเอารายได้ในอนาคตของทั้ง ประชาชาติในอีก 65 ปีข้างหน้ามาเป็นฐานและการสร้างรายจ่ายปัจจุบัน

เหตุนี้ประชาชาติสหรัฐซึ่งควรจะล้มละลายไปเมื่อ 50 ปีก่อนจึงรอดพ้นและเสวยสุขโดยลัทธิบริโภคนิยม โดยนำเอารายได้ในอนาคตอีก 65 ปีมาเป็นฐานรายจ่าย จึงทำให้หนี้สินเพิ่มพูนจนสุดที่จะประมาณ เป็นผลให้สหรัฐกลายเป็นลูกหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นหนี้ประชาชาติทั่วโลก ในขณะที่ประชาชาติสหรัฐเองก็มีแต่หนี้ท่วมหัวไปถึงชาติหน้า

4. ทุนสำรองระหว่างประเทศกับความเป็นมหาลูกหนี้ของสหรัฐ

นับแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา แทบไม่มีสักปีเดียวที่งบประมาณของสหรัฐจะไม่ติดลบ นั่นคืองบประมาณของสหรัฐเป็นแบบขาดดุลต่อเนื่องมาเกือบ 50 ปีแล้ว และปริมาณการขาดดุลเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ล่าสุดปริมาณการขาดดุลงบประมาณเพียงปีเดียว มากกว่างบประมาณรายจ่ายของอาฟริกาทั้งทวีป นั่นคือประเทศสหรัฐได้สั่งสมหนี้สินมากขึ้นจนไม่อาจหยุดยั้งได้

สหรัฐประสพความสำเร็จในการก่อหนี้สินกับทุกประเทศทั่วโลก ภายใต้ทฤษฎี “In God We Trust” ของยอดนักเศรษฐศาสตร์ชาวยิว-อเมริกัน ยึดกุมฐานะให้กับเงินดอลลาร์ในการเป็นสกุลเงินกลางในการค้าขายระหว่างประเทศ และทำให้เงินดอลลาร์กลายเป็นสินทรัพย์ที่แทบทุกประเทศต้องสั่งสมเป็นทุน สำรอง ผลแท้จริงคือผลผลิตจากผลิตผลของประชาชาติทั่วโลก หรือดุลการค้าของทุกประเทศทั่วโลก ได้ถูกนำไปซื้อพันธบัตรจากรัฐบาลสหรัฐ แล้วนำมาถือไว้เป็นทุนสำรอง โดยที่พันธบัตรและเงินดอลลาร์นั้นไม่มีหลักประกันใด ๆ เลย นอกจากคำว่า “In God We Trust” ที่ระบุไว้ในธนบัตรดอลลาร์สหรัฐ (เนื้อหาที่แท้จริง แล้วไม่ใช่ “In God We Trust” แต่เป็น “In Gun We Trust” ดังนั้นสหรัฐจึงต้องดำรงความเป็นมหาอำนาจทางทหารหรือ “Gun” ไว้ตลอดไป)

ทว่าความฉลาดของรากฐานทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ยิวดังกล่าวไม่อาจตบตาชาวโลกได้ตลอด ไป โดยเหตุบังเอิญประเทศอาหรับที่มีความขัดแย้งกับสหรัฐและถูกคว่ำบาตรแล้วจำ เป็นต้องใช้เงินสกุลอื่นในการทำการค้าระหว่างประเทศ ทำให้เกิดการค้าระหว่างประเทศที่ไม่ต้องใช้เงินสกุลดอลลาร์ขึ้น และเมื่อสหรัฐดำเนินนโยบายคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจมากประเทศขึ้น จึงเกิดการก่อตัวของประเทศที่ถูกคว่ำบาตร ซึ่งต้องใช้เงินสกุลอื่นแทนดอลลาร์สหรัฐ ในขณะเดียวกันประเทศมุสลิมที่ต่อต้านสหรัฐก็เริ่มให้ความสำคัญกับการค้าที่ ไม่ต้องใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ตลาดสกุลเงินใหม่ขยายตัวไป และในทันทีที่สกุลเงินยูโรกำเนิดขึ้นในโลก ตลาดดังกล่าวนี้จึงใช้สกุลเงินยูโรเป็นสกุลกลาง ทำให้สกุลเงินยูโรก้าวสู่สกุลเงินลำดับที่สองในตลาดการค้าระหว่างประเทศ อย่างรวดเร็ว

5. จีนใช้พันธบัตรสหรัฐแทนระเบิดนิวเคลียร์

หลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย และจีนประสพความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพและรวดเร็ว ทำให้จีนมั่งคั่งขึ้น เงินทุนสำรองซึ่งเป็นสกุลเงินดอลลาร์ได้เพิ่มปริมาณขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนสิ้นศตวรรษก่อนปริมาณเงินทุนสำรองของจีนในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีมาก เป็นลำดับที่สองในเอเชีย แต่ถ้ารวมเงินทุนสำรองของฮ่องกงซึ่งกลับมาเป็นของจีนแล้ว จะมากเป็นลำดับที่หนึ่ง ครั้นจีนรวมมาเก๊าเข้ากับมาตุภูมิอีก ก็ยิ่งทำให้ปริมาณเงินทุนสำรองของจีนยิ่งมากขึ้น ในปีสุดท้ายของศตวรรษที่แล้ว เฉพาะเงินทุนสำรองของจีนอย่างเดียวก็มากเป็นลำดับหนึ่งของเอเชียและใน ปัจจุบัน เมื่อรวมฮ่องกง มาเก๊า เงินทุนสำรองของจีนก็มากเป็นลำดับหนึ่งของเอเชีย หากรวมกับประเทศพันธมิตรในโลกที่สาม ก็จะกลายเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ

เพราะเหตุที่ทุกหน่วยงานไม่ว่างานเศรษฐกิจและงานความมั่นคงอยู่ภายใต้องค์ เอกภาพการนำทางการเมืองของกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลาง พคจ. ได้ทำให้การบริหารจัดการทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงและวัฒนธรรม ตลอดจนสังคมเป็นเอกภาพ

ก่อนสิ้นศตวรรษที่แล้ว จีนได้พบว่าแผนเพนตาก้อน กรอบใหญ่ 15 ปีสองกรอบ หรือ 30 ปีก่อนสิ้นศตวรรษที่แล้ว สหรัฐได้แปรเปลี่ยนจีนจากประเทศที่ต้องเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิดรองจากสหภาพ โซเวียต มาเป็นประเทศที่ต้องเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิดเป็นลำดับแรกของโลก และต่อมาหน่วยราชการลับจีนก็ได้พบว่าในแผนเพนตาก้อน กรอบ 15 ปีแรกของศตวรรษนี้ได้ถือจีนเป็นศัตรูลำดับที่หนึ่ง แทนระดับที่เป็นประเทศที่ต้องเฝ้าจับตาระมัดระวังอย่างใกล้ชิด ต่อมาก็พบอีกว่าร่างเอกสารแผนเพนตาก้อน กรอบ 15 ปีที่สอง มีการร่างแนวความคิดที่ถือว่าจีนเป็นประเทศเป้าหมายที่จะต้องถูกทำลายล้าง เป็นลำดับแรก จึงทำให้จีนต้องเตรียมตัวทั้งทางการเมืองระหว่างประเทศ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีทางการทหารและเศรษฐกิจ

สถานการณ์กำหนดให้จีนต้องเตรียมรับมือกับสหรัฐในลำดับสูงสุดทุกด้าน ในปีที่ 3 ก่อนสิ้นศตวรรษที่แล้ว มีการอภิปรายสถานการณ์โลกของสถาบันวิจัยยุทธศาสตร์ของกองทัพปลดแอกประชาชน จีน มีนักวิชาการนิรนามของไทยคนหนึ่งไปร่วมถกแถลงและได้เสนอว่าโลก ในอนาคต แนวรบด้านสื่อมวลชนจะเป็นแนวรบหน้าสุด และความเป็นลูกหนี้ลำดับหนึ่งของโลกจะทำให้พันธบัตรสหรัฐกลายเป็นอาวุธที่ อาจถูกใช้ไปทำลายสหรัฐเอง

ต่อมาบุคคลเดียว กันได้เขียนบทความว่าเงินทุนสำรองของจีนมีอานุภาพยิ่งกว่าระเบิดปรมาณูที่ สหรัฐเคยใช้ถล่มฮิโรชิม่าและนางาซากิของญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่สองหลาย เท่า และถ้าจีนใช้อาวุธนี้เมื่อใด สหรัฐจะพังพินาศ

แม้ว่าเป็นการนำเสนอแนวคิดในเชิงเพ้อฝันสักหน่อย และไม่มีใครเห็นด้วยเลย แต่ข้อเสนอนี้ได้ถูกนำไปนำเสนอในหนังสือเวียนภายในของกรรมการกลาง พคจ. และได้รับความสนใจ

ในกลางสมัยของนายกรัฐมนตรีจูหรงจีของจีน ได้เริ่มมีการอภิปรายถึงความร้ายแรงและอันตรายของการใช้เงินทุนสำรองสกุล ดอลลาร์สหรัฐกระทำต่อสหรัฐ และระบบเศรษฐกิจโลก

ระยะแรก คณะกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางของ พคจ. (จงฉางเหว่ย หรือ Politburo) เห็นชอบตามข้อเสนอของรัฐบาลจีนให้ปรับลดสัดส่วนการถือครองเงินสกุลดอลลาร์ สหรัฐในกองทุนสำรองของจีนลง และเป็นครั้งแรกที่จีนให้ความสำคัญแก่ระบบตะกร้าเงิน และใช้เงินสกุลอื่นหลายสกุลในกองทุนเงินสำรอง

ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการกรมการเมือง โดยหูจิ่งเทาขึ้นเป็นผู้นำศูนย์การนำรุ่นที่ 3 ก็ได้เพิ่มสัดส่วนเงินสกุลอื่นโดยเฉพาะสกุลยูโรแทนที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ มากขึ้น ล่าสุดได้ยกระดับสัดส่วนจาก 30% เป็น 40% และกำลังเดินหน้าไปสู่ระดับเกินครึ่ง เป็นผลให้เงินทุนสำรองใหม่ของจีนเป็นเงินสกุลอื่น โดยค่อย ๆ ถ่ายโอนเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐออกไป อันเป็นการลดสัดส่วนอย่างนุ่มนวล (Soft Landing) เป็นผลให้การก่อหนี้ของสหรัฐเริ่มกระทบกระเทือน และทำให้เครดิตของเงินดอลลาร์สหรัฐถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดมากขึ้นโดยลำดับ

ประเทศอ่าวหลายประเทศซึ่งใกล้ชิดกับจีน ได้เห็นสถานการณ์ดังกล่าวภายใต้การชี้นำของผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน (กองทุนแห่งชาติของคูเวตมีผู้เชี่ยวชาญวาณิชธนกิจถึง 10 ชาติเป็นผู้บริหาร มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ลอนดอน) และเห็นผลกระทบที่จะเกิดในอนาคตจากการขยับตัวของจีน จึงเริ่มลดสัดส่วนการถือครองเงินดอลลาร์ตามจีน โดยเริ่มที่ซาอุดิอาระเบีย คูเวต และอีกหลายประเทศ ในที่สุดญี่ปุ่นและไต้หวันก็ดำเนินรอยตาม เพราะรู้ดีว่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะไร้ค่าลงไปทุกวันเนื่องจากตลาดต้องการน้อย ลง ใครถือเงินดอลลาร์เป็นคนสุดท้ายก็จะกลายเป็นเงินกงเต๊ก

จึงเป็นผลให้การก่อหนี้ของสหรัฐได้รับผลกระทบ พันธบัตรตราสารหนี้ต่าง ๆ รวมทั้งสกุลเงินดอลลาร์เสื่อมความเชื่อถือลงในทุกตลาด ในขณะที่เงินได้หลั่งไหลแปรไปเป็นเงินสกุลยูโรเพิ่มขึ้นโดยลำดับด้วย

พันธบัตรและตราสารหนี้สกุลเงินดอลลาร์กำลังแปรสภาพเป็นอาวุธนิวเคลียร์ในการ ถล่มระบบเศรษฐกิจของสหรัฐไปแล้ว ขณะนี้ภาระหนี้ของสหรัฐยังสูงสุดและเป็นลำดับหนึ่งของโลก ทั่วโลกโดยเฉพาะจีน ยุโรป ญี่ปุ่น ไต้หวัน และประเทศอ่าวคือประเทศเจ้าหนี้สำคัญของสหรัฐ การต่อสู้ระหว่างลูกหนี้ที่ล้มละลายแล้ว แต่ถือปืน กับประเทศเจ้าหนี้ที่กำลังปืนสู้สหรัฐไม่ได้ แต่กำลังเติบโตขึ้นและผนึกกำลังกันเหนียวแน่นขึ้น จึงกลายเป็นโครงสร้างของสงครามที่ร้ายกาจในศตวรรษใหม่

6. เจดีย์ทรายทางเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มพังทะลาย และส่งผลกระทบไปทั่วโลก

การล้มละลายของกิจการขนาดใหญ่ของสหรัฐเกิดขึ้นในปีแรกหลังจากจีนลดสัดส่วน เงินทุนสำรองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐลง และเริ่มลุกลามเข้าสู่สถาบันการเงินของสหรัฐ หลังกองทุน Long Term ซึ่งเป็นกิจการวาณิชธนกิจที่เป็นเจ้าของกองทุนขนาดใหญ่ที่สุดล้มลง ก็ได้เปิดฉากการล่มสลายของระบบเศรษฐกิจทุนนิยมของสหรัฐ

ในครั้งนั้น สถาบันแห่งนี้ถูกปล่อยให้ล้มโดยถือแนวคิดว่ารัฐไม่พึงใช้เงินภาษีของประชาชน ไปแก้ปัญหาความผิดพลาดในการบริหารของเอกชน ส่งผลให้กิจการวาณิชธนกิจขนาดใหญ่ลำดับสอง สาม ล้มตามลงไปอีก และลุกลามเข้าสู่ทั้งระบบการเงินมาโดยลำดับ

ปี 2551 สถาบันการเงินขนาดใหญ่ 3 ใน 5 แห่งของสหรัฐล้มครืนลง และล่าสุด AIG ซึ่งเป็นสถาบันการเงินและการลงทุนที่ใหญ่ที่สุด มีสินทรัพย์เกือบ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ กำลังล้มละลาย รัฐบาลพรรคลิพลับริกันจึงจำต้องตระบัดสัตย์และตบปากตนเอง ด้วยการเสนอกฎหมายเอาเงินภาษีของประชาชนไปอุ้มสถาบันแห่งนี้

เป็นผลให้ธนาคารกลางหลายประเทศในยุโรป รวมทั้งจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นต้องตั้งกองทุนกลางเพื่อพยุงสถาบันการเงินในประเทศของตน ซึ่งดูเหมือนว่าจะแก้ไขปัญหาได้

นักลงทุนรายย่อยของไทยที่หลงใหลไปตามกระแสข่าวจึงพากันเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ กำลังตกต่ำอย่างหนัก ทำให้อัตราการลดต่ำของดัชนีชะลอลงบ้าง แต่ในที่สุดคงขาดทุนยับเยิน

ขณะนี้ IMF ได้ออกแถลงการณ์ระบุอย่างชัดเจนว่าวิกฤตทางการเงินของสหรัฐลุกลามไปทั่วโลก แล้ว (น่าจะครอบคลุมเฉพาะประเทศทุนนิยมที่เอาระบบเศรษฐกิจของตนไปผูกเชื่อมกับ ระบบเศรษฐกิจและการค้าของสหรัฐมากกว่า) ถึงแม้สหรัฐจะผ่านกฎหมายใช้เงิน 700,000 ล้านเหรียญสหรัฐไปพยุงสถานะสถาบันการเงินและประเทศในยุโรป รวมทั้งจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ตั้งกองทุนกลางก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จะมีผลเพียงชะลอให้ปัญหายืดเยื้อไปอีกสามปีเท่านั้น

IMF ระบุว่าความเสียหายของระบบเศรษฐกิจสหรัฐเกินกว่าที่จะเยียวยา และความเสียหายที่ส่งผลกระทบต่อยุโรปและโลกก็มากกว่าที่คาดคิด วงเงินที่จัดตั้งไว้ไม่เพียงพอและไม่มีทางที่จะจัดหาเงินมาโอบอุ้มได้อย่าง เพียงพอด้วย

IMF ยืนยันว่ามาตรการดังกล่าวนั้นเป็นเพียงยาที่ยืดเวลาตายเท่านั้น

สอดคล้องกับนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งอยู่นอกอำนาจรัฐของหลายประเทศในโลกที่มีความคิดเห็นสอดคล้องกับรายงานสรุปของ IMF ดังกล่าว

ตรงกันข้ามกับแนวความคิดของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่มองสถานการณ์นี้ว่าไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย ถึงมีผลบ้างก็เล็กน้อย ไม่ทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศกระทบกระเทือน

ดังนั้นมาตรการรับมือกับผลกระทบของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์  10 ประการจึงไม่มีเนื้อหาที่มีผลต่อการรับมือกับผลกระทบนั้นเลย ยังคงเป็นมาตรการที่ใช้นโยบายประชานิยมเพื่อผลในการเลือกตั้ง นโยบายหลอกคนมีเงินโดยลดภาษีเพื่อให้นำเงินออมไปซื้อกองทุนเอาไปใช้ในการ พยุงหุ้น (ซึ่งจะมีผลขาดทุนยับเยินในเวลาไม่นาน) และมาตรการเร่งเมกกะโปรเจ็กต์ เร่งการใช้เงิน ที่มีผลต่อการคอร์รัปชั่นและสั่งสมทุนเพื่อการเลือกตั้งเท่านั้น

โบราณ ว่าคนตาบอดไม่เห็นเสือ เด็กทารกไม่กลัวจระเข้ ได้สะท้อนออกจากมาตรการดังกล่าวของรัฐบาล จึงเป็นผลให้ประเทศไทยจะต้องเผชิญและรับมือกับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจของ โลก ชนิดที่เรียกว่าเต็มหน้า และตามยถากรรม

7. คาดการณ์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย

7.1 วิกฤตทางเศรษฐกิจในสหรัฐที่ขยายตัวไปทั่วโลกได้ส่งผลเบื้องต้นแล้ว ดังรายงานของธนาคารโลกว่าประชาชาติสหรัฐและยุโรปได้ชะลอการใช้เงินลง จะมีผลกระทบต่อภาคการผลิต การอุปโภคและบริโภค ตลาดส่งออกของไทยซึ่งพึ่งพาตลาดสหรัฐและยุโรปจึงได้รับผลกระทบโดยตรงอย่าง แน่นอน การส่งออกของไทยนับจากนี้ไปน่าจะลดน้อยลง ยกเว้นเฉพาะการส่งออกตามข้อตกลงเก่าที่ยังปฏิบัติไม่ครบถ้วนตามสัญญาเท่า นั้น และจะส่งผลตามมาคือโรงงานอุตสาหกรรมและการผลิตที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการ ส่งออกอาจต้องปิดตัวเองลง ส่งผลกระทบต่อราคาวัตถุดิบและผลผลิตต้นน้ำ และกระทบต่อประชากรส่วนใหญ่

7.2 เพราะสหรัฐและยุโรปชะลอการใช้จ่าย ดังนั้นรายได้จากการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้ลำดับสอง แต่มีเงินได้สุทธิเป็นลำดับที่หนึ่งของไทยก็จะได้รับผลกระทบตามมาด้วย รายได้ท่องเที่ยวในฤดูหนาวหรือไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 จะลดลงอย่างแน่นอน กระทบต่อทุกกิจการในภาคการท่องเที่ยว

7.3 ปลายรัฐบาลทักษิณและต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลปัจจุบัน ได้ส่งเสริมให้มีการตั้งกองทุนและนำเงินจากกองทุนต่าง ๆ ไปซื้อตราสารหนี้ในสหรัฐ ส่งผลให้ธนาคาร สถาบันการเงิน และกองทุนต่าง ๆ ติดบ่วงดังกล่าว และเริ่มปรากฏผลขาดทุนเบื้องต้นแล้ว เช่น ธนาคารกรุงเทพ ขาดทุนเฉพาะจากการลงทุนในบริษัทเลย์แมนบราเดอร์สถึง 3,800 ล้านบาท ธนาคารกรุงไทย 2,800 ล้านบาท ธนาคารไทยพาณิชย์ไม่แจ้งยอดจำนวน แต่มีการคาดหมายว่าอาจจะถึง 3,000 ล้านบาท กองทุนประกันสังคมขาดทุน 60 ล้านบาท เป็นต้น ทำให้ต้องตั้งสำรองและเกิดความเสียหาย ในขณะที่บริษัทประกันกำลังขาดสภาพคล่อง ใกล้ปิดกิจการ 3 บริษัท ที่เหลือนอกจากวิริยะประกันภัยกำลังร่อแร่ และกำลังถูกถอนกรมธรรม์อย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่มีมาตรการใด ๆ ที่น่าเชื่อถือในการรับมือแก้ไข มีแต่การปลอบใจว่าไม่มีผลกระทบเท่านั้น ดังนั้นธนาคาร สถาบันการเงิน และกองทุนต่าง ๆ น่าจะได้รับอันตรายจากผลกระทบนี้อย่างรุนแรง และอาจจะหนักกว่าเมื่อปี 2540 แต่ในภาคประชาชนที่มีเงินฝากกับธนาคารและสถาบันการเงิน แม้ได้รับผลกระทบบ้างแต่คงไม่เสียหาย เพราะปี 2508 เป็นปีแรกที่กฎหมายประกันเงินฝากบังคับใช้ ยังมีผลคุ้มครองเงินฝาก 100% และจะค่อย ๆ ลดลง ทว่าผลเสียหายที่แท้จริงของคนมีเงินฝากคืออัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าอัตรา ดอกเบี้ยเงินฝาก ยุคนี้จึงเป็นยุคที่คนมีเงินฝากก็ต้องขาดทุนอย่างย่อยยับ

7.4 เพราะเหตุที่ประชาชนไทยถูกส่งเสริมให้ก่อหนี้ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย หนี้สินต่อภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นจนมีจำนวนเกือบ 200,000 บาทต่อครัวเรือน โดยสินทรัพย์หลักคือที่ดินซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตถูกใช้เป็นหลักประกัน ดังนั้นจึงถูกฟ้องร้องเรียกหนี้สินหรือถูกใช้มาตรการพักหนี้เพื่อหาเสียง แต่แม้ว่านโยบายประชานิยมที่สร้างหนี้เพิ่มจะถูกกำหนดแล้วก็อาจหาเงินไปใช้ ไม่พอหรือปล่อยกู้ได้ไม่เต็มที่เพราะหนี้เต็มวงเงินก็ได้ แต่ยิ่งก่อหนี้มากก็ยิ่งเดินตามรอยชาวอเมริกันที่สิ้นเนื้อประดาตัวไปถึง อนาคตด้วย

7.5 ประเมินสถานการณ์ว่าอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจะลดลงเหลือไม่เกิน 3.5% ในปีหน้า รัฐบาลจะขาดดุลงบประมาณมากขึ้น ขาดดุลการค้ามากขึ้น (จากการซื้อสิ่งของและสินค้าในโครงการเมกกะโปรเจ็กต์) ขาดดุลเงินสดมากขึ้น

ตลาดหุ้นอาจจะลดจากเกือบ 600 ในขณะนี้ ไปอยู่ที่ระดับ 280 ในไตรมาสแรกของปีหน้า ราคาทองคำจะสูงขึ้น ราคาพลังงานจะทรงอยู่เพราะกำลังซื้อทั้งโลกลดลง

หนี้เสียจะเกิดขึ้นทั่วทั้งระบบ ธนาคารและสถาบันการเงินของรัฐจะขาดสภาพคล่องและทุนหมุนเวียน ต้องเพิ่มทุน ในขณะที่ของภาคเอกชนอาจถูกปิดหรือควบคุมกิจการหรืออาจขายให้แก่ต่างชาติใน ราคาถูก

สินทรัพย์เสี่ยงหรือสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระบบธนาคารและสถาบัน การเงินจะถูกขายออกในราคาถูก ๆ และเพิ่มความเสียหายให้แก่ระบบ

ภาคการก่อสร้างจะหยุดชะงัก ทำให้สินทรัพย์กลายเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และทำให้ผู้ลงทุนล้มละลาย

ภาคอุตสาหกรรมจะปิดตัวโดยทั่วไป คนจะว่างงานเพิ่มมากขึ้น

โจรผู้ร้ายจะชุกชุม

8. ตัวช่วยของเศรษฐกิจไทย

ประเทศไทยเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นเมืองพระพุทธศาสนา พระสยามเทวาธิราชมีจริง พระเจ้าอยู่หัวทรงทศพิธราชธรรม บรรลุภูมิธรรมขั้นสูงในพระพุทธศาสนา มี อนาคตังสญาณ จึงแทนที่จะรับผลร้ายเต็มที่ กลับบรรเทาเบาบางลงด้วยมีตัวช่วยดังต่อไปนี้

8.1 ผลิตผลความคิดทางยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องสอดคล้องกับประเทศไทย ซึ่งรัชกาลที่ 5 ทรงวางไว้ยังหลงเหลืออยู่ ทำให้ประเทศไทยไม่ตกอยู่ในวังวนระบบทุนนิยมเต็มรูปแบบทั้งประเทศ นั่นคือแนวทางและผลิตผลที่ทรงวางให้ประเทศไทยเป็นมหาอำนาจทางเกษตร อุตสาหกรรม และเป็นมหาอำนาจทางอุตสาหกรรมบริการ ยังกระจัดกระจายอยู่โดยทั่วไป ทั้งสองภาคนี้เป็นทรัพยากรที่ตกได้แก่ประชาชนไทยอย่างเต็มที่ ดังนั้นแม้จะมีจำนวนไม่มากนัก แต่มีผลต่อประชากรส่วนใหญ่และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนไทยไม่อดตาย และยังคงมีความร่าเริงบันเทิงใจได้ (หากประเทศไทยไม่ล้มยุทธศาสตร์ทั้งสองแนวทางนี้ของพระองค์ท่านตั้งแต่แผน พัฒนาฯ ฉบับที่ 1 ขณะนี้ประเทศไทยคงรุ่งเรืองเป็นเมืองทองไปแล้ว)

8.2 รากฐานความเชื่อทางพระพุทธศาสนา ในเรื่องกรรมและสันโดษ บวกกับคำสอนของพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้คนไทยมีความพอใจในความเป็นอยู่ตามสภาพที่เป็นจริง แม้จะเผชิญหน้ากับวิกฤตทางเศรษฐกิจก็ไม่ทุกข์ ไม่ร้อน จนเกินการ มีความพอใจ มีความรู้ประมาณ มีความรู้เหตุรู้ผล และรับได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งมีความเชื่ออีกว่าสรรพสิ่งเป็นไปตามกฎแห่งพระไตรลักษณ์ วิกฤตเมื่อมีได้ ความสดใสก็จะตามมา ทำให้รอคอยได้

8.3 กองทัพแรงงานอนาถาและพเนจรของไทยที่ออกไปทำงานทั่วโลกมีจำนวนมากพอที่จะ นำรายได้เข้าสู่ประเทศ กระจายไปยังพื้นที่ชนบทของประเทศไทย ทำให้ความขาดแคลนลดน้อยลง และเป็นรายได้ที่พยุงฐานะสังคมชนบทของไทยไม่ให้ลุกฮือขึ้น แรงงานเหล่านี้มีทั้งแรงงานมีฝีมือ ไร้ฝีมือ แรงงานบริการ และหญิงบริการ ซึ่งไม่เคยมีการจัดกระบวนรบให้มีฐานะเป็น “กองทัพเศรษฐกิจ หรือกองทัพแรงงาน” เลย

8.4 หญิงไทยเป็นที่นิยมและชื่นชมของชาวตะวันตก เกิดกระแสนิยม 2 สาย คือนำเข้าหญิงไทยไปเป็นภริยา หรือคนรับใช้กึ่งภริยา โดยมีค่าตัวสูง และแพร่หลายในยุโรป ฮ่องกง ญี่ปุ่น และไต้หวัน กระแสหนึ่ง และอีกกระแสหนึ่งคือชาวยุโรปที่เกษียณอายุย้ายถิ่นฐานเข้ามาสมรสกับหญิงชนบท ไทย จนตั้งเป็นหมู่บ้านขึ้นในหลายตำบล หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือ จนบางตำบลผู้ชายไทยต้องไปแต่งงานกับหญิงนอกพื้นที่แล้ว ชาวตะวันตกเหล่านี้ได้นำเงินรายได้และสวัสดิการบำเหน็จบำนาญต่าง ๆ เข้ามาในประเทศไทย ทำให้เกิดกำลังซื้อขึ้นในชนบทไทย (โดยที่รัฐบาลไทยไม่เคยคิดจะดูดซึมเอาความรู้ความสามารถของชาวตะวันตกเหล่า นั้นมาขยายผลและใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศไทยตามรอยพระบาทล้นเกล้ารัชกาล ที่ 5 ซึ่งทรงดำเนินนโยบายเรื่องนี้อย่างดีเยี่ยม).

จาก เวบไซด์ คุณไพศาล พืชมงคล

อดีตสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

http://www.paisalvision.com/paisal/

ที่มา..http://www.oknation.net/blog/print.php?id=366121

Comments

  1. ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูล

Speak Your Mind

*

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.