ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมกรรมการ | รับทำเงินเดือน ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมกรรมการ | รับทำเงินเดือน

ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมกรรมการ

เงินกู้ยืมกรรมการ ที่มักจะปรากฎอยู่ในงบดุลฝั่งลูกหนี้ เนื่องจากเงินสดของกิจการมีมาก แต่ไม่สามารถให้ตรวจนับได้ จะด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่สำหรับกิจการเอสเอ็มอี บัญชีที่จะถูกนักบัญชีไปพักไว้ก็คือ บัญชีลูกหนี้เงินยืมกรรมการ หรือเงินกู้ยืมกรรมการ ตามมาตรา 65 ทวิ (4) แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดไว้ว่า กิจการต้องแสดงหรือรับรู้รายได้ หรือค่าตอบแทนจากโอนทรัพย์สิน รายได้ค่าบริการ และดอกเบี้ยจากการให้กู้ยืมเงิน เพื่อการคำนวณกำไร หรือขาดทุนสุทธิทางภาษีอากรตามราคาตลาด ณ วันที่มีการโอนขายทรัพย์สิน หรือสินค้าให้บริการ หรือให้กู้ยืมเงินนั้น ในกรณีที่ผลตอบแทนดังกล่าว หรือได้รับผลตอบแทนแต่ต่ำกว่าราคาตลาด ทั้งนี้เฉพาะกรณีที่ผู้ประกอบการไม่สามารถแสดงเหตุผลอันสมควร เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร มีอำนาจประเมินผลตอบแทนให้เป็นไปตามราคาในวันที่เกิดกิจการมีรายได้นั้นได้

สำหรับลูกหนี้เงินกู้ยืมกรรมการ อัตราดอกเบี้ยที่ควรจะเป็น ได้แก่ อัตราที่กิจการกู้ยืมมาจากสถาบันการเงินอื่น หรือกู้ยืมจากบุคคลภายนอก แต่ถ้ากิจการนำเงินสดในมือของตนออกให้กู้ยืมโดยมิได้มีแหล่งเงินกู้ยืมเลย ให้ใช้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ในขณะนั้น สำหรับระยะเวลา 1 ปีเป็นเกณฑ์ (หนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0802/936 ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2532) (หนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0802(ก) /3598 ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2535) อ้างอิงหนังสือการบัญชีภาษีอากร ของอาจารย์สุเทพ พงษ์พิทักษ์ เขียนไว้ "เงื่อนไขเกี่ยวกับรายได้ทางภาษีเงินได้นิติบุคคล" ข้อ 7 ในกรณีที่บริษัทให้กู้ยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ย

(ก) ถ้านำเงินของบริษัทที่มีอยู่ไปให้กู้ยืม โดยไม่คิดดอกเบี้ย หรือคิดดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้เจ้าพนักงานประเมินฯ ประเมินดอกเบี้ยที่ควรได้รับตามอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำธนาคารในเวลาที่มี การกู้ยืม
(ข) ในกรณีนำเงินที่กู้ยืมมาจากผู้อื่นไปให้กู้ยืม โดยไม่คิดดอกเบี้ยหรือคิดดอกเบี้ยต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้เจ้าพนักงานประเมินฯ ประเมินดอกเบี้ยที่ควรได้รับตามอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในเวลาที่มีการกู้ยืม

ข้อ 9 ห้างหุ้นส่วนจำกัดประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง ในบัญชีของห้างปรากฎว่ามียอดเงินคงเหลือยกมาประมาณ 3,000,000 บาท และในแต่ละเดือนมีการรับ-จ่าย มีเงินสดคงเหลือประมาณเดือนละ 2 ถึง 3 ล้านบาท แต่มิได้นำไปฝากธนาคาร หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้เก็บรักษา ดังนี้ถือว่าห้าง ๆ ได้ให้หุ้นส่วนผู้จัดการกู้ยืมเงินดังกล่าว และเป็นการให้กู้ยืม โดยไม่คิดดอกเบี้ยโดยไม่มีเหตุอันสมควร เจ้าพนักงานประเมินฯ มีอำนาจประเมินดอกเบี้ยดังกล่าว ได้ตามอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ในขณะนั้น

(อ้างใน กรมสรรพากร)

ดูอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ย้อนหลัง ของธนาคารกรุงเทพ

ดูอัตราดอกเบี้ยเงินฝากย้อนหลัง ของธนาคารกรุงเทพ

Speak Your Mind

*

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.